ONCE IN George Town
รสนิยมการดื่มการแฟในสมัยนี้นั้นคงไม่ได้อยู่ที่ฝีมือการชงอย่างเดียวแล้ว
ความสวยงามทางศิลปะก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเสพและดื่มลงไปได้
มีครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนได้มีโอกาศเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศมาเลเซียประเทศที่มีตึกรามบ้านช่องในสไตร์ชิโนโปรตุกีสแบบดั้งเดิมและยังคงรักษาสภาพความเก่าคลาสสิคไว้อย่างน่าหลงใหล
สถาปัตยกรรมและสตรีทอาร์ท(Stree Art)(Graffiti) ที่มีเชื่อเสียงแห่งเมืองที่เป็นมรดกโลกอย่างจอร์จทาวน์(George Town)ยังคงเป็นแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบความสงบให้มาเที่ยวตลอดทั้งปี
การไปเที่ยวครั้งนั้นผู้เขียนไม่ได้เพียงดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของสภาพแวดล้อมเท่านั้น
แต่ยังรวมไปถึงศิลปะอันหอมกรุ่นบนแก้วลาเต้นั้นด้วย ขอเกริ่นก่อนนะคะว่า ลาเต้อาร์ต
นั้นมีต้นกำเนิดมาจากปประเทศอิตาลี่ ประเทศต้นกำเนิดของศิลปะหลายแขนงอีกทั้งยังเป็นประเทศที่ประชากรนิยมดื่มการแฟมากที่สุดของโลกอีกด้วย
ศิลปะบนแก้วกาแฟเรียกว่า เครม่า (creama)เทคนิคการทำมีอยู่สองแบบคือ
free pouring การเทโฟมนมลงไปในแก้วกาแฟให้เกิดลวดลาย และ
Etehing การเทโฟมนมลงในถ้วยกาแฟและแต่งหน้าด้วย ไซรัป หรือ ช็อคโกแลต
อย่างสุดท้ายที่ดูจะน่าสนใจไม่น้อยคือ 3d latte art
ส่วนตัวผู้เขียนได้ไปลองครั้งแรกที่เมืองจอร์จทาวน์ คาเฟ่กาแฟเก๋ๆมีอยู่ทุกหัวมุมถนนในเมือง
คนที่นั่นนิยมดื่มกันมากในทุกช่วงเวลา ร้านที่ผู้เขียนได้ไปลองชิมมาอยู่แถว LOVE LAND
(ถนนเส้นนี้ถูกตั้งชื่อนี้เพราะเป็นที่ๆบรรดาเศรษฐีในสมัยเก่าชอบมาซุกภรรยาน้อยนั่นเอง)
ร้านออกแบบตกแต่งในสไตร์เรโทรวินเทจที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ด้วยโททนสีอบอุ่น
พอเข้ามาในร้านที่แต่งด้วยอิฐและโซฟาที่ดูเหมือนออกมาจากหนังฮอลลีวูดยุค 70s’ กลิ่นกาแฟคั่วหอมๆโชยมา
ทำให้เราต้องขลุกตัวอยู่ในนั้นนานหลายชั่วโมง เมนูที่สั่งมาเป็นลาเต้ธรรมดาในราคา 21
ริงกิต (210บาท) ทีดูจะไม่ธรรมดาเพราะเจ้าหมีหน้ากลมตัวอ้วนที่นอนพาดบนแก้ว ดูน่ารักมากกว่าน่ากินเสียด้วยซ้ำ อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปมันไว้ตามประสาผู้หญิงและนั่งมองมันอยู่นานก่อนจะตัดใจยกแก้วมาดื่ม
นมตีเป็นฟองฟูขึ้นรูปเป็นตัวหมีแต้มตาและปากด้วยช็อคโกแลต รสชาติลาเต้ที่กลมกล่อมทำให้แก้วนั่นดูเข้ากับบรรยกาศยามเช้า กาแฟแก้วอร่อย จะช่วยบรรจุความทรงจำดีๆเก็บไว้ได้เสมอ เพราะมันไม่ใช่แค่ความอร่อยแต่รวมไปถึงความสวยงามที่สัมผัสได้
และจริงเหมือนคำที่อาจารย์ของผู้เขียนเคยบอกไว้ว่า
และจริงเหมือนคำที่อาจารย์ของผู้เขียนเคยบอกไว้ว่า
“สถาปัตยกรรมเป็นครู ผ่านการใช้ประสาทสัมผัสของเราเข้าไปถึงการเรียนรู้
จากสถาปัตยกรรมจริง เพราะสถาปัตยกรรมไม่สามารถดูแต่เพียงในรูปได้
เราต้องมีโอกาศได้สัมผัสเป็นประสบการณ์เพื่อวิเคราะห์และสังเคราะห์ว่าสิ่งที่สวยงามนั้นงามอย่างไร
ผมเชื่ออย่างนั้น”(อาจารย์เอกจิตร จิตรเจริญ)
เว็บไซต์อื่นๆ :
No comments:
Post a Comment