หลังจากการค้นพบผลเบอร์รี่สีแดงของคาลดิ (Kaldi) คนเลี้ยงแพะ ชาวเอธิโอเปียน Ethiopian แถบเมือง Kaffa ไม่นานต่อจากนั้นชื่อเสียงของกาแฟก็ได้โด่งดังไปกระทบหูนักบวชท่านหนึ่ง ที่เขาเห็นว่าคาลดิรับประทานกาแฟแล้วมีท่าทางสดชื่น กระปรี้กระเปร่า นักบวชท่านนี้จึงได้ลองนำกาแฟไปรับประทาน ซึ่งก็ได้ผลที่น่าพอใจ เมื่อเขารู้สึกมีกำลัง กาสว่าง ไม่ง่วงนอนตอนกลางคืนที่กำลังสวดมนต์
จนกระทั้งต่อมากาแฟที่รับประทานเพียงผลเชอรี่ก็ได้ถูกค้นพบครั้งใหญ่
เมื่อนักบวชท่านหนึ่งได้บังเอิญพบว่า เมื่อนำผลเบอร์รี่สีแดงไปเผาไฟจะได้กลิ่นที่สดชื่นของการคั่ว
ต่อมาก็ได้เริ่มนำมาบดผสมเข้ากันจนเกิดเป็นกาแฟ
ซึ่งนักบวชท่านนี้ก็ถือได้ว่าเป็นบาริสต้าคนแรกของโลก
และนี่ก็คืออีกหนึ่งตำนานที่เล่าขานกันมา
สำหรับเรื่องสั้นในตอนนี้มีชื่อตอนว่า 850 The Birth of Espresso
ไปดูกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร โดยตัวเรื่องนี้ถูกเล่าถึงช่วงเวลาเดียวกันที่มีการค้นพบเบอร์รี่สีแดง
หรือ กาแฟเชอรี่
______________________________________________________________________________________
บทสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าดังก้องไปทั่วอารม
เหล่าผู้ถือศีลอันศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันท่องภาษาของพระเจ้าด้วยใจจดจ่อแห่งความทรัทธาอันแรงกล้า
นักบวชหนุ่มนามว่า ฟานา กำลังสวดมนต์ตามคำภีร์ที่สืบสอดมานานกว่าหลายสิบปี
เขาจดจ่ออยู่กับตัวอักษรอย่างมุ่งมั่น
กระทั้งเสียงคำรามเบาๆดังขึ้นมากระทบหูของเขา
ฟานาพยายามขยับปากในขณะที่สมองก็พยายามท่องไปตามตัวหนังสือ แต่ในที่สุดเขาก็ทนต่อสติที่หลุดลอยเพราะเสียงคำรามไม่ได้
ฟานาสบถด่าทอเสียงนั้นในใจ
เขาเงยหน้าขึ้นจากคำภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ มองไปทางต้นเสียงที่ดังมาอีกฝั่งของเก้าอี้นั่งแถวยาว
พระลูกวัดอายุเกือบ 60 ปี
แงนหน้าขึ้นบนเพดาน ปากของเขาอ้ากว้างและปล่อยเสียงกรนดังผสานไปพร้อมบทสวดพระเจ้า
ทุกค่ำคืนฟานาต้องเผชิญกับเสียงกรนร้องจากซาตานในร่างมนุษย์
เขาค่อนข้างหงุดหงิดใจกับนักบวชผู้ไม่เคร่งในพระเจ้า ซึ่งนอกจากลูกบวชชราท่านนี้แล้ว
ก็ยังมีนักบวชท่านอื่นที่กำลังสัปหงกระหว่างสวดมนต์
แน่นอนว่าฟานาก็มีอาการง่วงนอนเช่นเดียวกัน
หากแต่เขาพยายามฝืนทนต่อความง่วงเหงาหาวนอนด้วยการตั้งมั่นอยู่กับคัมภีย์
กระทั้งในเช้าวันต่อมา
ฟานาเดินทางออกไปนอกเมือง เขาพบกับชายคนหนึ่งในหมู่บ้านขนาดเล็ก และฝูงแพะของเขา
ฟานาเกิดความประหลาดใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น เมื่อชายดังกล่าวมีท่าทางกระฉับกระเฉง
รวมถึงแพะของเขา ด้วยความสงสัยนักบวชหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปถามชายผู้นั้นและได้คำตอบมาว่าสิ่งที่ทำให้เขาสดชื่นขึ้นมาก็คือเบอร์รี่สีแดงที่เก็บมาจากในป่า
ชายหนุ่มแบ่งผลเบอร์รี่ให้แก่ฟานา
ในเย็นวันนั้นหลังจากฟานาเดินทางกลับมาที่อาราม
ตัวเขาและพระลูกวัดคนอื่นๆเตรียมตัวเข้าสู่พิธีสวดมนต์ในช่วงค่ำ
ฟานาแอบรับประทานผลเบอร์รี่สีแดงก่อนจะเข้าไปรวมตัวในอารามกับนักบุญคนอื่นๆ
ระหว่างการสวดมนต์
ฟานารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าปกติ ดวงตาที่เคยอ่อนแรงจะเบิกกว้ากลับเปิดค้าง
แววตาใสแจ๋ว ราวกับเพิ่งตื่นนอน ร่างกายที่เคยรู้สึกอ่อนล้าก็กลับมาเรี่ยวแรงขึ้น
ทำให้สมาธิที่เขาต้องรวบรวมมหาศาลเพื่อสวดมนต์แทบจะไม่ต้องพยายามอีกต่อไป
เขาท่องบทสวดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดกว่าที่เคย
ในวันต่อๆมา ฟานาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
จนทำให้นักบวชชั้นผู้ใหญ่คนอื่นๆเกิดความสงสัยและได้เรียกตัวเขาเข้ามาพูดคุยถามหาสาเหตุ
“นี่คือเบอร์รี่สีแดงที่กระผมได้มาจาก
คนเลี้ยงแพะในเมือง Kaffa ฤทธิ์ของมันช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก
จากที่เคยง่วงตอนสวดมนต์กลางคืน แค่กินมันเข้าไปก็ทำให้มีแรงขึ้นมา
นี่ต้องเป็นผลไม้จากพระเจ้าที่ประทานลงมาให้อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่แพะของชายคนนั้นก็ยังร่าเริง” ฟานาบอกเล่า
สีหน้าท่าทางของพระชั้นผู้ใหญ่กลับเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม
ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ฟานาพูด พวกเขาหันไปคุยกันและต่างออกความคิดเห็นว่าฟานาพูดโกหก
หรือไม่ก็เป็นเพราะปีศาจเข้ามาสิงสู่ร่างของเขา
“หากท่านไม่เชื่อกระผม
ได้โปรดลองรับประทานสิ่งนี้ดูก่อนเถิด” ฟานาบอก
เขายื่นเบอร์รี่ผลสีแดงไปตรงหน้า
“ก็ได้...หากท่านพูดมาเป็นความเท็จ
ข้าพเจ้าจะถือว่าท่านขาดต่อการเป็นผู้ถือศีล” นักบวชท่านหนึ่งกล่าวพร้อมรับเบอร์รี่สีแดงมารับประทาน
เสียงฮือฮาจากนักบวชคนอื่นดังขึ้นมา
บ้างร้องห้ามไม่ให้นักบวชท่านนี้รับประทาน บ้างก็หาว่านี่เป็นผลไม้ปีศาจอาจทำให้เกิดความโชคร้าย
แต่ขณะที่เวลาผ่านไปกลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้นแม้แต่น้อย
“ข้าพเจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าผลไม้นี้ก็เป็นเพียงแค่เบอร์รี่ธรรมดา
มิได้พิเศษเช่นที่ท่านฟานากล่าวมาแต่อย่างใด” เขากล่าว
“ท่านต้องรออีกสักพักฤทธิ์ของมันจึงจะออก” ฟานาว่า
“หยุดพูดความเท็จเสียที
ต่อจากนี้ท่านขาดจากการเป็นผู้ถือศีลแล้ว
พระเจ้าไม่ประสงค์ให้คนโกหกเข้ามาในที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้”
ตกดึกในคืนเดียวกันนั้น
นักบวชหนุ่มรุ่นคิดอยู่ทั้งคืน กระทั้งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
ฟานาสะดุ้งจากที่นอน เสียงเคาะดังขั้นอีกสามครั้ง เพื่อเตือนว่าเขาไม่ได้หูแว่วไป
เขาเดินไปเปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดออกจนสุดก็ถูกแรงมหาศาลดันเข้ามา
ผู้แสวงบุญนับสิบเข้ามาควบคุมตัวของเขาเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้น
เหตุใดจึงทำเช่นนี้”
ไม่มีใครตอบคำถามของเขา
แต่กลับพาตัวเขามายังอาราม นักบวชผู้ที่รับประทานเบอร์รี่สีแดง
แผดเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว พลางกล่าวหาว่าฟานาเป็นซาตาน ที่ได้มอบผลไม้ปีศาจให้แก่เขากิน
“เหตุใดท่านจึงเชื่อว่านั่นคือผลไม้ปีศาจ
ทำไมไม่คิดว่าพระเจ้าทรงประทานมอบให้เรา” ฟานาแย้ง
“หัวใจของข้าเต้นแรง
ดวงตาก็แข็งทื่อ แม้จะพยายามข่มตานอน ก็คงมีแต่ปีศาจที่มาสิงสู่ตัวข้า” นักบวชชราว่า
“กระผมคิดว่าพระเจ้าโปรดให้พวกเราได้รับประทานสิ่งนี้
จะดีแค่ไหนที่เรารู้สึกกระปี้กระเปร่า สวดมนต์ได้โดยไม่แอบหลับไปเสียก่อน”
ไม่ว่านักบวชหนุ่มพยายามจะพูดอะไรก็ตามกลับถูกแย้งไปด้วยความหวาดกลัวของนักบวชชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับประทานเบอร์รี่สีแดงเข้าไป
ด้วยความหวาดกลัวว่านี่คือผลไม้ปีศาจ
นักบวชผู้มีอำนาจมากที่สุดก็ได้จัดการโยนเบอร์รี่สีแดงเข้าไปในกองไฟที่กำลังรุกไหม้และให้ความสว่างในค่ำคืนนี้
ขณะที่ฟานาพยายามปกป้องชื่อเสียงของเขาอยู่นั้น
กลิ่นหอมอ่อนๆจากการถูกเผาไหม้ก็ส่งกลิ่นโชยออกมาจากกองไฟ
เหล่านักบวชต่างพากันหยุดเจรจาและหันไปมองยังกองไฟ
“หากนี่เป็นสิ่งชั่วร้าย
เหตุใดจึงส่งกลิ่นหอมยิ่งนัก” ฟานากล่าว
เช้าวันต่อมา ฟานาพยายามพิสูจน์ตัวเอง
ด้วยการแจกจ่ายเบอร์รี่ให้แก่นักบวชคนอื่นได้ลองรับประทาน
ในทีแรกไม่มีผู้ใดกล้ารับประทาน จนเมื่อฟานาได้หวาดล้อม
และในคืนนั้นเองก็ไม่มีนักบวชรูปใดที่ง่วงเหงาหาวนอนอีก ฟานาได้รับการยอมรับจากนักบวชคนอื่นๆ
โดยในเวลาต่อมานักบวชหนุ่มก็ได้ทดลองนำเบอร์รี่ไปเผาไหม้แล้วนำมาผสมกับน้ำ
จนเกิดเป็นกาแฟเอสเปสโซ่ถ้วยแรกของโลกขึ้นมา และเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นบาริสต้าคนแรกของโลกในที่สุด
______________________________________________________________________________________
กาแฟเมื่อโด่งดังในเอธิโอเปียก็ได้ขยับขยายไปถึงประเทศเยเมน
(Yemen) และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กาแฟมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก
โดยตอนต่อไปเราจะพาทุกท่านไปพบกับความเป็นมาเป็นไปของประวัติศาสตร์กาแฟ ต่อจากปี
850 กันค่ะ ซึ่งทุกท่านสามารถติดตามได้ในตอนหน้า
สาระ : ก่อนจะทำการคั่วกาแฟ
นักคั่ว หรือ บาริสต้า จำเป็นต้องใช้เครื่องวัดความชื้น
เนื่องจากยิ่งความชื้นต่ำก็ยิ่งคั่วกาแฟออกมาได้หอมและอร่อยมากขึ้นนั่นเอง
หมายเหตุ : แต่งเติมจากจินตนาการเท่านั้น
ดูเพิ่มเติมได้ที่ : http://coffeeconstruct.com
เว็บไซต์อื่นๆ :
#โรงกาแฟ
No comments:
Post a Comment