Friday, July 8, 2016

850 The Birth of Espresso ประวัติศาสตร์ กาแฟ







หลังจากการค้นพบผลเบอร์รี่สีแดงของคาลดิ (Kaldi) คนเลี้ยงแพะ ชาวเอธิโอเปียน Ethiopian แถบเมือง Kaffa ไม่นานต่อจากนั้นชื่อเสียงของกาแฟก็ได้โด่งดังไปกระทบหูนักบวชท่านหนึ่ง ที่เขาเห็นว่าคาลดิรับประทานกาแฟแล้วมีท่าทางสดชื่น กระปรี้กระเปร่า นักบวชท่านนี้จึงได้ลองนำกาแฟไปรับประทาน ซึ่งก็ได้ผลที่น่าพอใจ เมื่อเขารู้สึกมีกำลัง กาสว่าง ไม่ง่วงนอนตอนกลางคืนที่กำลังสวดมนต์ 



จนกระทั้งต่อมากาแฟที่รับประทานเพียงผลเชอรี่ก็ได้ถูกค้นพบครั้งใหญ่ เมื่อนักบวชท่านหนึ่งได้บังเอิญพบว่า เมื่อนำผลเบอร์รี่สีแดงไปเผาไฟจะได้กลิ่นที่สดชื่นของการคั่ว ต่อมาก็ได้เริ่มนำมาบดผสมเข้ากันจนเกิดเป็นกาแฟ ซึ่งนักบวชท่านนี้ก็ถือได้ว่าเป็นบาริสต้าคนแรกของโลก และนี่ก็คืออีกหนึ่งตำนานที่เล่าขานกันมา
สำหรับเรื่องสั้นในตอนนี้มีชื่อตอนว่า 850 The Birth of Espresso ไปดูกันว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร โดยตัวเรื่องนี้ถูกเล่าถึงช่วงเวลาเดียวกันที่มีการค้นพบเบอร์รี่สีแดง หรือ กาแฟเชอรี่

______________________________________________________________________________________


บทสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้าดังก้องไปทั่วอารม เหล่าผู้ถือศีลอันศักดิ์สิทธิ์ต่างพากันท่องภาษาของพระเจ้าด้วยใจจดจ่อแห่งความทรัทธาอันแรงกล้า 


นักบวชหนุ่มนามว่า ฟานา กำลังสวดมนต์ตามคำภีร์ที่สืบสอดมานานกว่าหลายสิบปี เขาจดจ่ออยู่กับตัวอักษรอย่างมุ่งมั่น กระทั้งเสียงคำรามเบาๆดังขึ้นมากระทบหูของเขา ฟานาพยายามขยับปากในขณะที่สมองก็พยายามท่องไปตามตัวหนังสือ แต่ในที่สุดเขาก็ทนต่อสติที่หลุดลอยเพราะเสียงคำรามไม่ได้


ฟานาสบถด่าทอเสียงนั้นในใจ เขาเงยหน้าขึ้นจากคำภีร์อันศักดิ์สิทธิ์ มองไปทางต้นเสียงที่ดังมาอีกฝั่งของเก้าอี้นั่งแถวยาว  พระลูกวัดอายุเกือบ 60 ปี แงนหน้าขึ้นบนเพดาน ปากของเขาอ้ากว้างและปล่อยเสียงกรนดังผสานไปพร้อมบทสวดพระเจ้า


ทุกค่ำคืนฟานาต้องเผชิญกับเสียงกรนร้องจากซาตานในร่างมนุษย์ เขาค่อนข้างหงุดหงิดใจกับนักบวชผู้ไม่เคร่งในพระเจ้า ซึ่งนอกจากลูกบวชชราท่านนี้แล้ว ก็ยังมีนักบวชท่านอื่นที่กำลังสัปหงกระหว่างสวดมนต์ แน่นอนว่าฟานาก็มีอาการง่วงนอนเช่นเดียวกัน หากแต่เขาพยายามฝืนทนต่อความง่วงเหงาหาวนอนด้วยการตั้งมั่นอยู่กับคัมภีย์


กระทั้งในเช้าวันต่อมา ฟานาเดินทางออกไปนอกเมือง เขาพบกับชายคนหนึ่งในหมู่บ้านขนาดเล็ก และฝูงแพะของเขา ฟานาเกิดความประหลาดใจกับสิ่งที่ได้พบเห็น เมื่อชายดังกล่าวมีท่าทางกระฉับกระเฉง รวมถึงแพะของเขา ด้วยความสงสัยนักบวชหนุ่มก็เดินตรงเข้าไปถามชายผู้นั้นและได้คำตอบมาว่าสิ่งที่ทำให้เขาสดชื่นขึ้นมาก็คือเบอร์รี่สีแดงที่เก็บมาจากในป่า ชายหนุ่มแบ่งผลเบอร์รี่ให้แก่ฟานา


ในเย็นวันนั้นหลังจากฟานาเดินทางกลับมาที่อาราม ตัวเขาและพระลูกวัดคนอื่นๆเตรียมตัวเข้าสู่พิธีสวดมนต์ในช่วงค่ำ ฟานาแอบรับประทานผลเบอร์รี่สีแดงก่อนจะเข้าไปรวมตัวในอารามกับนักบุญคนอื่นๆ


ระหว่างการสวดมนต์ ฟานารู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงกว่าปกติ ดวงตาที่เคยอ่อนแรงจะเบิกกว้ากลับเปิดค้าง แววตาใสแจ๋ว ราวกับเพิ่งตื่นนอน ร่างกายที่เคยรู้สึกอ่อนล้าก็กลับมาเรี่ยวแรงขึ้น ทำให้สมาธิที่เขาต้องรวบรวมมหาศาลเพื่อสวดมนต์แทบจะไม่ต้องพยายามอีกต่อไป เขาท่องบทสวดออกมาด้วยเสียงดังฟังชัดกว่าที่เคย


ในวันต่อๆมา ฟานาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม จนทำให้นักบวชชั้นผู้ใหญ่คนอื่นๆเกิดความสงสัยและได้เรียกตัวเขาเข้ามาพูดคุยถามหาสาเหตุ


นี่คือเบอร์รี่สีแดงที่กระผมได้มาจาก คนเลี้ยงแพะในเมือง Kaffa ฤทธิ์ของมันช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก จากที่เคยง่วงตอนสวดมนต์กลางคืน แค่กินมันเข้าไปก็ทำให้มีแรงขึ้นมา นี่ต้องเป็นผลไม้จากพระเจ้าที่ประทานลงมาให้อย่างแน่นอน เพราะแม้แต่แพะของชายคนนั้นก็ยังร่าเริง ฟานาบอกเล่า


สีหน้าท่าทางของพระชั้นผู้ใหญ่กลับเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ฟานาพูด พวกเขาหันไปคุยกันและต่างออกความคิดเห็นว่าฟานาพูดโกหก หรือไม่ก็เป็นเพราะปีศาจเข้ามาสิงสู่ร่างของเขา


หากท่านไม่เชื่อกระผม ได้โปรดลองรับประทานสิ่งนี้ดูก่อนเถิด ฟานาบอก เขายื่นเบอร์รี่ผลสีแดงไปตรงหน้า


ก็ได้...หากท่านพูดมาเป็นความเท็จ ข้าพเจ้าจะถือว่าท่านขาดต่อการเป็นผู้ถือศีล นักบวชท่านหนึ่งกล่าวพร้อมรับเบอร์รี่สีแดงมารับประทาน


เสียงฮือฮาจากนักบวชคนอื่นดังขึ้นมา บ้างร้องห้ามไม่ให้นักบวชท่านนี้รับประทาน บ้างก็หาว่านี่เป็นผลไม้ปีศาจอาจทำให้เกิดความโชคร้าย แต่ขณะที่เวลาผ่านไปกลับไม่เกิดสิ่งใดขึ้นแม้แต่น้อย


ข้าพเจ้าได้พิสูจน์แล้วว่าผลไม้นี้ก็เป็นเพียงแค่เบอร์รี่ธรรมดา มิได้พิเศษเช่นที่ท่านฟานากล่าวมาแต่อย่างใด เขากล่าว


ท่านต้องรออีกสักพักฤทธิ์ของมันจึงจะออก ฟานาว่า


หยุดพูดความเท็จเสียที ต่อจากนี้ท่านขาดจากการเป็นผู้ถือศีลแล้ว พระเจ้าไม่ประสงค์ให้คนโกหกเข้ามาในที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้
ตกดึกในคืนเดียวกันนั้น นักบวชหนุ่มรุ่นคิดอยู่ทั้งคืน กระทั้งเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ฟานาสะดุ้งจากที่นอน เสียงเคาะดังขั้นอีกสามครั้ง เพื่อเตือนว่าเขาไม่ได้หูแว่วไป เขาเดินไปเปิดประตู แต่ยังไม่ทันที่จะเปิดออกจนสุดก็ถูกแรงมหาศาลดันเข้ามา ผู้แสวงบุญนับสิบเข้ามาควบคุมตัวของเขาเอาไว้


เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงทำเช่นนี้


ไม่มีใครตอบคำถามของเขา แต่กลับพาตัวเขามายังอาราม นักบวชผู้ที่รับประทานเบอร์รี่สีแดง แผดเสียงร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว พลางกล่าวหาว่าฟานาเป็นซาตาน ที่ได้มอบผลไม้ปีศาจให้แก่เขากิน


เหตุใดท่านจึงเชื่อว่านั่นคือผลไม้ปีศาจ ทำไมไม่คิดว่าพระเจ้าทรงประทานมอบให้เรา ฟานาแย้ง


หัวใจของข้าเต้นแรง ดวงตาก็แข็งทื่อ แม้จะพยายามข่มตานอน ก็คงมีแต่ปีศาจที่มาสิงสู่ตัวข้า นักบวชชราว่า


กระผมคิดว่าพระเจ้าโปรดให้พวกเราได้รับประทานสิ่งนี้ จะดีแค่ไหนที่เรารู้สึกกระปี้กระเปร่า สวดมนต์ได้โดยไม่แอบหลับไปเสียก่อน


ไม่ว่านักบวชหนุ่มพยายามจะพูดอะไรก็ตามกลับถูกแย้งไปด้วยความหวาดกลัวของนักบวชชั้นผู้ใหญ่ที่ได้รับประทานเบอร์รี่สีแดงเข้าไป ด้วยความหวาดกลัวว่านี่คือผลไม้ปีศาจ นักบวชผู้มีอำนาจมากที่สุดก็ได้จัดการโยนเบอร์รี่สีแดงเข้าไปในกองไฟที่กำลังรุกไหม้และให้ความสว่างในค่ำคืนนี้


ขณะที่ฟานาพยายามปกป้องชื่อเสียงของเขาอยู่นั้น กลิ่นหอมอ่อนๆจากการถูกเผาไหม้ก็ส่งกลิ่นโชยออกมาจากกองไฟ เหล่านักบวชต่างพากันหยุดเจรจาและหันไปมองยังกองไฟ


หากนี่เป็นสิ่งชั่วร้าย เหตุใดจึงส่งกลิ่นหอมยิ่งนัก ฟานากล่าว


เช้าวันต่อมา ฟานาพยายามพิสูจน์ตัวเอง ด้วยการแจกจ่ายเบอร์รี่ให้แก่นักบวชคนอื่นได้ลองรับประทาน ในทีแรกไม่มีผู้ใดกล้ารับประทาน จนเมื่อฟานาได้หวาดล้อม และในคืนนั้นเองก็ไม่มีนักบวชรูปใดที่ง่วงเหงาหาวนอนอีก ฟานาได้รับการยอมรับจากนักบวชคนอื่นๆ โดยในเวลาต่อมานักบวชหนุ่มก็ได้ทดลองนำเบอร์รี่ไปเผาไหม้แล้วนำมาผสมกับน้ำ จนเกิดเป็นกาแฟเอสเปสโซ่ถ้วยแรกของโลกขึ้นมา และเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นบาริสต้าคนแรกของโลกในที่สุด 


______________________________________________________________________________________


กาแฟเมื่อโด่งดังในเอธิโอเปียก็ได้ขยับขยายไปถึงประเทศเยเมน (Yemen) และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้กาแฟมีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมไปทั่วโลก โดยตอนต่อไปเราจะพาทุกท่านไปพบกับความเป็นมาเป็นไปของประวัติศาสตร์กาแฟ ต่อจากปี 850 กันค่ะ ซึ่งทุกท่านสามารถติดตามได้ในตอนหน้า



สาระ : ก่อนจะทำการคั่วกาแฟ นักคั่ว หรือ บาริสต้า จำเป็นต้องใช้เครื่องวัดความชื้น เนื่องจากยิ่งความชื้นต่ำก็ยิ่งคั่วกาแฟออกมาได้หอมและอร่อยมากขึ้นนั่นเอง



หมายเหตุ : แต่งเติมจากจินตนาการเท่านั้น



ดูเพิ่มเติมได้ที่ :  http://coffeeconstruct.com


เว็บไซต์อื่นๆ :
#โรงกาแฟ







No comments:

Post a Comment