ถึงเราจะกินกาแฟกันอยู่ทุกวัน แต่ใครจะไปคิดล่ะว่ากาแฟจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ซื้อขายกันมากเป็นอันดับ 2 ของโลกเลยทีเดียว...
ในขณะที่อันดับ 1 คือสิ่งของที่ขาดไม่ได้ยิ่งกว่าอย่างน้ำมันนั่นเอง..ประเทศที่มีเเหล่งทรัพยากรณ์ดีอุดมสมบูรณ์จึงเป็นต่อในเรื่องการค้าขาย รวมไปถึงกาเเฟ..
แบบนี้แล้วใครจะปฏิเสธได้อีกล่ะว่ากาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของโลก..
...คุณอาจคิดว่าเมล็ดกาแฟนั้นมาถึงก็เป็นเมล็ดสีน้ำตาลหน้าตาน่ากินตั้งแต่แรกแล้ว..เริ่มเเรกนั้น กาเเฟเป็นเครื่องดื่มจริงหรือ ? การปรุงกาเเฟสำหรับเป็นเครื่องดื่มนั้นเมื่อก่อนต้องใช้เครื่องเทศที่เเต่ละพื้นที่นิยมกัน ไม่ใช่มีเฉพาะน้ำตาล นม..กว่าจะเเปรรูปกาเเฟนั้นก็เเสนยากในช่วงเเรกที่ยังไม่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยในการทำงาน
..แต่รู้ไว้เถอะว่าที่จริงแล้วมันต้องผ่านกระบวนการที่ซับซ้อนกว่านั้นมากนัก โดยแรกเริ่มนั้นผลกาแฟก็เหมือนผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั่วไป เราเรียกว่ากาเเฟเชอร์รี่ ที่มีสีสันสดใสน่ารักและขนาดพอดีคำนั่นแหละ..ต้นกาเเฟจะออกผลเป็นเชอร์รี่ลูกสีแดงสด เเต่ยังไม่สามารถนำมารับประทานได้ที..ต้องผ่านขั้นตอนการเเปรรูปที่ซับซ้อนยิ่งกว่าการชงเสียอีก
เพราะเมล็ดกาเเฟมีจำนวนมากมาย ในเเต่ละครั้งที่มีการเก็บเกี่ยว ก็จะมีเมล็ดที่ไม่ดีปะปนอยู่ด้วย.. ซึ่งอันดับแรกเราก็ต้องลอกเปลือกสีชมพูเหลือบแดงของมันออกมาก่อนจนเหลือแค่เมล็ดด้านในเท่านั้น จากนั้นจึงเอาเมล็ดที่ได้ไปตากแดดทิ้งไว้จนแห้งกะเทาะเปลือกและกรรมวิธีต่างๆจนกลายเป็นเมล็ดกาเเฟสาร ก่อนจะเอาไปอบด้วยความร้อน 500 องศาให้พองจนมีขนาดใหญ่เกือบเท่าตัวและเป็นสีน้ำตาล จึงจะสามารถเอาไปทำเป็นกาแฟต่อไปได้..
จากสถิติแล้วคนทั่วโลกทานกาแฟอาราบิก้าซึ่งมีรสนุ่มกลิ่นหอมหวานถึง 70% ส่วนในบ้านเรานั้นสำหรับกาเเฟอาราบิก้ามีปลูกมากในภาคเหนือ มีรสชาติเเละกลินที่ดีเป็นที่นิยมเพราะระดับความสูงที่ปลูกทำให้เมล็ดกาเเฟนั้นเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตที่สมบูรณ์ .. ถึงอย่างนั้นก็ยังมีจำนวนไม่มากพอต่อการส่งออกไปยังต่างประเทศอยู่ดี
ในขณะที่ทางกาแฟโรบัสต้าซึ่งรสเข้มกว่าและมีคาเฟอีนสูงกว่าถึง 50% เพียงแค่ 30% เท่านั้น จึงเห็นได้ชัดเลยว่าอาราบิก้านั้นเป็นที่นิยมมากว่าโรบัสต้าจริง ๆพื้นที่ปลูกโรบัสต้าเเตกต่างกับกาเเฟอาราบิก้าอยู่มาก เเต่ก็มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย..
การทำกาเเฟนั้นไม่ว่าจะพันธ์ไหนในไทยให้เป็นกาเเฟเเบบพิเศษนั้นย่อมทำได้ โรบัสต้าไม่ใช่กาเเฟที่เเย่ด้วยตัวมันเอง กระบวนการการผลิตต่างหากที่ทำให้มันออกมาไม่ดีเท่าที่ควรรวมถึงหลักการผลิตในตลาดที่ต้นทุนมีผลอย่างมากต่อการผลิต จึงเป็นเมล็ดกาเเฟที่ไม่เคยถูกพัฒนาคุณภาพอย่างจริงจัง ด้วยเหตุผลที่ว่าโรบัสต้ามีโรคน้อย เเข็งเเรง ทนทาน มีปริมาณคาเฟอีนมากกว่าเท่าตัว จึงเป็นพิษต่อเเมลง กาเเฟอาราบิก้านั้นอ่อนเเอกว่าต้องดูเเลเป็นพิเศษ เป็นเหตุให้ต้องปลูกในที่สูงลักษณะอากาศที่เเตกต่างกันมากระหว่างกลางวันเเละกลางคืนใชทำให้เกิดโรคน้อย เเละสภาพอากาศที่เย็นทำให้เมล็ดกาเเฟสุกช้าลง ซึ่งสาเหตุนี้มีผลต่อการพัฒนารสชาติภายในเมล็ดกาเเฟมากขึ้น..
คุณสามารถควบคุมกระบวนการเเปรรูปให้เหมาะสมกับกาเเฟในไร่ได้เพื่อให้มีคุณภาพสูงสุด..
กาเเฟที่ได้รับการใส่ใจในการดูเเลไม่ว่าจะสานพันธ์ไหน เชื่อว่าต้องออกมารสชาติดีทั้งนั้น
สำหรับโรงกาเเฟเอง..
ระดับการคั่วก็มีผลต่อรสชาติกาเเฟอย่างมาก อย่างเช่นกาเเฟสายพันธุ์คาทุย ที่ลักษณะโดดเด่นคือความเปรี้ยว เป็นความเปรี้ยวของผลไม้ การคั่วระดับอ่อน จะได้รสเปรี้ยวติดอยู่บนเพดานปาก เมื่อนำไปชงดื่มก็อาจจะไม่ได้น้ำหนักในรสชาติของเมล็ดกาเเฟเท่าไหร่ การคั่วระดับกลาง จะได้รสเปลรี้ยวจากผลไม้ที่อ่อนลงเเละได้กลิ่นหอมผลไม้อย่างแอปเปิ้ลเขียว ไม่ได้เด่นในเรื่องความเปรี้ยวอย่างเดียว เเต่ยังหวานอ่อนอีกด้วย เป็นความหวานอ่อนของผลไม้
การคั่วเเบบเข้ม พอคั่วเเบบเข้มจะมีกลิ่นคล้ายยาสูบเเห้งไหม้ไฟมีกลิ่นฉุน..
เรื่องของเมล็ดกาเเฟยังมีให้ติดตามอยู่มาก อย่าลืมติดตามบทความดีดีจาก Coffee Construct
ดูเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/coffeeconstruct/
http://coffeeconstruct.com
http://coffeeconstruct.com
เว็บไซต์อื่นๆ :
No comments:
Post a Comment