กาเเฟไม่ยุ่งยากเเต่ต้องใส่ใจ - สร้างโรงกาเเฟ
หากการปรุงอาหารจานอร่อยต้องใส่ใจในการปรุงเช่นใด กาเเฟเเก้วโปรดก็ต้องใส่ใจในการปรุงเช่นนั้น
กาเเฟเป็นเครื่องดื่มอีกประเภทที่ใช่ว่าจะผลิตกันง่ายๆตามสูตรเปะๆ เพราะตั้งเเต่สวนกาเเฟ โรงกาเเฟ โรงคั่ว กว่าจะมาถึงมือบาริสต้านั้น ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย เมล็ดกาเเฟเเต่ละเเหล่งมีกรรมวิธีการเเปรรูปที่เเตกต่างกันออกไป ก่อนอื่นอยากจะเกริ่นนำเกี่ยวกับกาเเฟสักนิด ต้นกาเเฟที่เรานิยมปลูกเเละบริโภคกันนั้น มี2สายพันธุ์ที่เราคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดี
หลักๆเเล้วประเทศของเราปลูกกันอยู่2สายพันธุ์ ภาคเหนือส่วนใหญ่เเล้วจะปลูกอราบิก้า ภาคไต้ปลูกโรบัสต้าเพราะสองสายพันธุ์อาศัยเเหล่งเจริญเติบโตต่างกัน กาเเฟจะออกดอกประมาญเดือนเมษายนของทุกปีต้นกาเเฟจะมีเมล็ดจะกลายเป็นผลสีเขียวๆในเดือนตุลาคมเป็นต้นไปจนสุกเป็นสีเเดงที่เราเรียกกันว่ากาเเฟเชอร์รี่ ในเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์
ชาวสวนจะเริ่มเก็บเกี่ยวกันในช่วยที่เมล็ดกาเเฟสุกเต็มที่เเล้วเท่านั้น การเก็บเมล็ดกาเเฟจะต้องเก็บด้วยมือทีละเม็ด โดยเลือกเมล็ดที่มีสีเเดงสด ไล่เก็บไปเรื่อยๆโดยไม่เก็บเมล็ดสีเขียวมา เพราะยังไม่สุขดีเเละหากเก็บมากาเเฟจะมีรสฝาดไม่อร่อย หากถามว่ากาเเฟคุณภาพเริ่มต้นที่ใด คงต้องบอกว่าเริ่มตั้งเเต่การเก็บเกี่ยวเนี่ยเลยเเหละค่ะ...
การแปรรูปกาเเฟนั้นมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับจะใช้วิธีใดกับกาเเฟสายพันธุ์อะไร อีกวิธีที่ได้รับความนิยมคือการเเปรรูปเเบบเปียก ผลกาเเฟเชอร์รี่ที่เก็บได้จากสวนเเล้วมาคัดลูกที่ลอยน้ำ เมล็ดเขียว เมล็ดดำ ใบไม้ เศษผงที่ติดออกมาเบื้องต้นก่อนหรือใช้เครื่องมือเครื่องทำความสะอาดเมล็ดกาเเฟ เครื่องคัดเเยกหินเข้ามาช่วยให้การคัดเเยกมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หลังจากนั้นนำเมล็ดกาเเฟสีเเดงสุกหมักไว้ในน้ำ วิธีการนี้สวนเเต่ละเเห่งจะมีวิธีต่างกันออกไป บางที่อาจจะเปลี่ยนน้ำทุก12 ชั่วโมง 3 ครั้ง เพื่อให้ได้รสชาติต่างๆ หรือนำไปสีเปาเปลือกเชอร์รี่ออก เเละหมักไว้ตอนเอาเมือกออก
ทีนี้เจ้ากาเเฟเชอร์รี่ผลสีเเดง ก็จะกลายเป็นกาเเฟกะลา เมือกกาเเฟลักษณะเป็นเมือกลื่นๆถ้าเราล้างเจ้าเมือกนี่ออกไม่หมด นั่นหมายถึงกาเเฟของเราจะเหม็นเขียวทานไม่ได้รสชาติที่ดี
ที่สำคัญคือควรล้างจากน้ำธรรมชาติ น้ำไม่ควรมีสาารเคมีมากเกินไป เพราะชาวบ้านชาวสวนเชื่อกันว่าากาเเฟจะมีกลิ่นที่สะอาดเเละอร่อยกว่าเดิม
ขั้นตอนหลังจากนั้นคือการตากกาเเฟ เป็นขั้นตอนที่ต้องใช้เวลาเเละความอดทนมากที่สุด
การตากกาเเฟกะลาควรตากบนลานปูนหรือห้าง เเผ่ใส่กระด้ง ตาข่ายเเล้วเเต่ที่ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกเเละเลือกสถานที่ให้โดนเเดดบามเช้าหรือบ่าย ไม่ให้โดยเเดดที่เเก่จัดมากไปเพราะจะทำให้กาเเฟเสียหายได้ อย่าตากกาเเฟให้ติดดินโดยตรง เพราะกลิ่นของดินจะเข้าไปอยู่ในกาเเฟกะลา ทำให้กาเเฟเสียกลิ่นที่ดีสะอาดเเละรสชาติที่ควรมี เเละเก็บกาเเฟกะลาในตอนกลางคืนเพื่อป้องกันน้ำค้าง
การบวนนการตากใช้เวลาหลายวัน ขึ้นอยู่กับอากาศเเละอุณหหภูมิของเเต่ละสถานที่ หลังจากนั้นเราจะได้กาเเฟกะลาที่เเห้งดีนำไปสีกะลาออก น้ำหนังของกาเเฟที่ได้หลังจากการสีกะลาออกจะหายไปอีก 20% กาเเฟจะถูกเเบ่งตามเกรดโดยเครื่องคัดเเยก เครื่องคัดขนาดเมล็ดกาเเฟ เเละเครื่องยิงสีกาเเฟ เพื่อจำหน่าย
กาแฟแบ่งทั่วไปออกเป็น 4 เกรด
เกรด AA คือเมล็ดกาแฟที่มีขนาดตั้งแต่ 5.5 ม.ม. ขึ้นไป
เกรด A คือเมล็ดกาแฟปกติที่มีผลเสียปนอยู่น้อย
เกรด Y คือกาแฟเมล็ดเสีย เมล็ดแตก เมล็ดเล็กกว่าขนาดปกติ
เกรด peaberry คือกาแฟโทนลูกกลม ๆ น่ารัก เชื่อว่าให้รสชาติที่ดีกว่าเเละราคาดีกว่าเพราะหายาก
เพื่อให้ได้มาซึ่งกาแฟที่ดีที่สุด ก่อนถึงมือผู้บริโภค
สุดท้ายคือการนำสารกาแฟ ใส่ถุงเพื่อไปคั่วทดสอบที่โรงคั่ว เพื่อหาการคั่วที่ดีที่สุด
และทั้งหมดนี้ คือกระบวนการผลิตจากขั้นตอน เก็บเกี่ยว-จนถึงแปรรูป เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมทำไมเขาถึงบอกว่ากาแฟดีจะแพง นี่ยังไม่ครบขั้นตอนนะ ยังต้องนำพวกเขาไปคั่วและชงอีก
กว่าจะออกมาเป็นกาแฟสักแก้วที่เราเห็นกัน..
โรงกาเเฟเป็นสถานที่เเปรรูปกาเเฟที่มีความสำคัญ ทุกขั้นตอนเกือบทั้งหมดเกิดขึ้นที่นี่ สร้างโรงกาเเฟที่มีเครื่องมือที่จะช่วยให้รักษาคุณภาพกาเเฟได้มากกว่า คัดเเยกเมล็ดได้เเม่นยำกว่าCoffee Construct เป็นผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้ทุกคำปรึกษาในเรื่องเครื่องจักรโรงกาเเฟ
ติดตามเรื่องราวของกาแฟตั้งแต่กระบวนการแรกจนขั้นตอนสุดท้ายจาก Coffee Construct
ว็บไซต์อื่นๆ :
ว็บไซต์อื่นๆ :
#สร้างโรงกาเเฟ
No comments:
Post a Comment