บันทึกเรื่องราว กาเเฟของในหลวง..
…เมื่อดิฉันได้อ่านเจอบันทึกเรื่องราวของต้นกาเเฟกับในหลวง...จึงอยากถ่ายทอดความประทับใจผ่านตัวหนังสือ จึงอยากจะเผยแพร่บทความดีๆ เหล่านี้ให้ผู้อื่นบ้าง ดิฉันเเละทีมงานCoffee Construct ต้องขอขอบคุณผู้เขียนดังกล่าวที่สร้างบทความดีๆ ออกมา และจะขอเทอดทูนองค์ในหลวงอย่างล้นเกล้า
เมื่อในหลวงทรงเข้ามาส่งเสริมให้ชาวเขาได้ปลูกทดแทนฝิ่นมานานแล้ว
————————————————-
* เรื่องที่ 1 *
วรรณกรรมเรื่องสั้น ชีวิตที่เปลี่ยนไปเพราะในหลวง
กาแฟ จาก ยอดดอย
“อราบิกาแม่หลอด”
แสงแดดยามเช้ากำลังทอดผ่านสันแนวภูเขาอันเป็นแนวชายแดนระหว่างประเทศไทย กับ ประเทศเพื่อนบ้าน เด็กน้อย หน้าตาน่ารัก กำลังเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนานตามทางเดิน ผู้หญิงที่แบกลูกไว้บนบ่าด้วยผ้าขาวม้าเพียงผืนเดียว ผู้ชายที่แบกจอบ แบกเสียม กำลังรีบเดินไปตามแนวทางด้วยใบหน้าที่มีความสุข หัวเราะอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ที่มือทั้งสองก็ไม่ต่างไปจากตนเอง ผู้เฒ่าต่างๆ กำลังนั่งผิงไฟคลายหนาว หรือ บางคนก็กำลังนั่งคุยกันด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรมีความสุข ไร้ความกังวลใดใดทั้งสิน
“ อ้าว… อาข่า มานั่งทำอะไรตรงนี้ “ เสียงของหญิงเฒ่าชรา ที่มีน้ำเสียงอันเป็นมิตรและแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น
“อ๋อ….ยาย หนูกำลังทักทายคุณลุง แสงแดดและคุณลุง สายลมอยู่….” เสียงไพเราะอันเจื้อยแจ้ว ของเด็กน้อยวัย 9 ขวบ ที่กำลังนั่งยองๆ เท้าคาง สายตามองออกไปยังภูเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล……
“ เร็วๆ เข้าหละ อาข่า… เดี๋ยวไปรดน้ำที่แปลงผักและต้นกาแฟกันไม่ทัน”
“ จ้า… ยายมันเป็นภารกิจของหนูอยู่แล้ว… องครักษ์พิชิตต้นกาแฟแห่งหมู่บ้านแม่หลอดของชาวไทยภูเขาอย่างเรา” รอยยิ้มบนใบหน้าอันน่ารักของเด็กชาวเขา ที่มีชื่อว่าอาข่า เด็กชาวเขาที่มีหัวเหมือนฟักทอง หน้าขาวเหมือนมันแกว แก้มแดงเหมือนมะเขือเทศสุก…
ทั้งอาข่าและยายปั้นยือต่างรีบเร่งเดินไปยังแปลงผักและต้นกาแฟสถานที่ที่มีแต่ความสุขซึ่งอยู่บนผืนแผ่นดินที่เต็ม ไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ผืนแผ่นดินที่มีแต่ รอยยิ้ม ความรัก และมีพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักของพสกนิกรโดยทั่วกัน แผ่นดินผืนนั้นคือ แผ่นดินสยาม หรือ แผ่นดินไทย………..
ป่าไม้ ต้นน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ที่มีแต่ความรัก ความอบอุ่นของอาข่านั้นอยู่บน ผืนแผ่นดินที่สูงที่สุด อันกว้างใหญ่ไพศาล อบอวลไปด้วยต้นกาแฟทั้งใหญ่และน้อย พืชผักเมืองหนาวที่มีความสด สะอาด และน่ารับประทาน หมู่บ้านนั้นคือ หมู่บ้านแม่หลอด ต. สบเปิง อ. แม่แตงจ.เชียงใหม่
“ อาข่า ไม่ต้องมาช่วยยายรดน้ำผักหรอก อาข่าไปรดน้ำต้นกาแฟเถอะ”
ยายปั้นยือพูดกับหลานชายของตนพลางใช้สองมือตักน้ำรดต้นผักทั้งสองข้างคูน้ำอย่างทมัดแทมงและเชี่ยวชาญอาข่าหลานชายวันน้อยก็รับฟังยายอย่างตั้งใจพลางวางขันน้ำและเดินออกจากแปลงผักมุ่งหน้าไปยังแปลงปลูกต้นกาแฟที่อาข่ารักหากใครได้มองจากมุมเบื้องหน้าจะเห็นภาพเด็กชายชาวเขาที่มุ่งหน้าเดินออกมา และมีภาพหญิงชรากำลัง ก้มๆ เงยๆ กับแปลง ผักกาดหอมที่ดูเขียวขจี และถูกล้อมรอบด้วยภูเขาอันกว้างใหญ่
ในขณะที่อาข่ากำลังใช้สองมืออันเล็กและบอบบางจับกับที่รดน้ำและใช้ความพยายามด้วยแรงอันน้อยนิดที่จะทำให้ น้ำนั้นไม่หกเลอะออกมาจากแปลงต้นกาแฟ
“อาข่า…. เสร็จยัง…….เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ.ไปเถอะทางนี้ยายทำต่อเอง” หลังจากสิ้นเสียงยายอาข่าก็จะรีบไปโรงเรียนชาวเขาอย่างรวดเร็ว เพราะสำหรับอาข่าแล้วโรงเรียนชาวเขาคือบ้านหลังที่สอง…………….
เสียงฝีเท้าอันดัง……. ที่กำลังวิ่งอย่างรวดเร็วผ่านแนวภูเขาและเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเรื่อยๆๆ จนมาหยุดที่บ้านของยายปั้นยือ
“ ยาย… มานี่เร็ว!!! หนูเอาอะไรมาฝากยายด้วยรู้มั้ย” อาข่าที่วิ่งมาจากโรงเรียนที่กำลังพูดอย่างรวดเร็วพูดไปหอบไป และชูกระดาษแผ่นโตๆ ให้ยายดู
“อะไรกันอาข่า.. กระดาษแผ่นโตๆ แผ่นนั้นคืออะไร”
“ ยาย… วันนี้ที่โรงเรียนโครงการหลวงแจกปฏิทินของในหลวงด้วย”
อาข่าพูดพลางยิ้มหน้าบานเผยให้เห็นใบหน้าที่เป็นสีแดงระเรื่อและฟันหน้าสอง ซี่ที่หายไป…….
“ จริงสิ… อาข่าเอาไปแขวนที่ยายตอกตะปูเอาไว้นะ” อาข่ารับคำและนำไปแขวนไว้ที่ตะปู หากมองดูแล้วจะเห็นได้ว่า ที่ฝาบ้านจะเต็มไปด้วยปฏิทินที่มีรูปของในหลวงอยู่ทั้งสิ้น
ตั้งแต่ เด็กจนโตอาข่าได้รับรู้ว่า
ยายทรงรักในหลวงมากและสอนให้อาข่ารักและเทิดทูนพระองค์ท่านไว้สูงสุด ทุกๆ ครั้งที่ได้ปฏิทินของในหลวงมานั้น ใบหน้าของยายจะมีแต่รอยยิ้ม แววตาของยายจะสดใส และยายจะพนมมือขึ้นเหนือหัวทุกครั้ง
ยามเย็น บรรยากาศที่บ้านแม่หลอดนั้น ร่มรื่นมากเราไม่มีไฟฟ้าหรือน้ำประปาที่ต่อเป็นท่อมาเหมือนคนในเมือง แต่หมู่บ้านของเราจะมีเสียงนก เสียงจักจั่นที่ร้องดังน่าฟัง เสียงของใบไม้ของต้นสักใหญ่ก็พัดดังลู่มากับเสียงของลม แต่สำหรับอาข่าแล้ว อาข่าชอบเสียงของต้นสนมากที่สุดเพราะเวลาเสียงของต้นสนพัดนั้นจะดังกังวาน ฟังดูแล้วอบอุ่นเหมือนมีคนปกป้องพวกเรา…ชาวไทยภูเขา..
ทุกๆเช้าและ ตอนเย็น อาข่าและยายจะมายังแปลงผักเสมอ…..ยายจะมารดน้ำดูแลผักกาดหอมโดยมีอาข่า เป็นผู้ช่วย และอาข่าก็ไม่ลืมที่จะดูแลต้นกาแฟรอวันที่ได้ผลผลิตเป็นกาแฟหอมๆ นำส่งออกขายไปยังที่โครงการหลวงหลังจากที่ยายรดน้ำต้นผักกาดเสร็จแล้วยายก็จูงมืออาข่าไปเก็บผักในป่าสนข้างๆ มาทำกับข้าวเย็น ในขณะที่ยายกำลังนั่งเก็บผักต่างๆ อยู่นั้น
อาข่าได้ถามยายว่า
“ ยาย…. สมัยก่อนบ้านเราได้อุดมสมบูรณ์เหมือนอย่างนี้มั้ย” อาข่าถามยายพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้าของบ้านแม่หลอดยามเย็นที่เป็นสีส้มสดพาด ผ่านสีฟ้าอ่อนๆ ของก้อนเมฆ
“ไม่หรอกอาข่า…. สมัยก่อนยายลำบากมาก เราพี่น้องชาวเขาต่างก็ไม่มีความรู้ ไม่มีบ้านเป็นหลักแหล่ง”
น้ำเสียงของยายบ่งบอกได้ถึงความทุกข์ในสมัยนั้นเป็นอย่างมาก และยายก็พูดต่อไปอีกว่า “ตอนนั้นพวกเราก็ได้แต่ปลูกพืชที่กินได้อย่างเดียว เราขายไม่เป็น และยายก็ได้ปลูกฝิ่น ถึงจะรู้ว่ามันไม่ดี แต่จะให้ทำอย่างไงหละ…. เพราะฝิ่นราคาดีมากพวกเราชาวไทยภูเขาทุกคนก็ไม่มีทางเลือกและก็ต้องหนีตำรวจ อีก” น้ำเสียงของยายในตอนนั้นบ่งบอกว่าสิ้นหวังและยายคงไม่คิดว่าจะมีบ้านหลอดได้ ในทุกวันนี้
“ อือ… ยายแต่หนูไม่เห็นว่า บ้านแม่หลอดของเราจะเป็นอย่างนั้นเลยนะ..ดูดิ ..อาข่าพูดพลางใช้มือทั้งสองเด็ดหน่อไม้ลำต้นอวบขาวชูให้ยายปั้นยือดู“เห็น มั้ยยายบ้านของเรามีผักให้เก็บกินเยอะเลย”
ยายปั้นยือพลางมองดูหน้า ของหลานชายที่มีแต่ความสุขและหวนคิดถึงเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้วันที่ยาย ปั้นยือและชาวไทยภูเขาแห่งบ้านแม่หลอดจะลืมไม่ได้เลยตลอด ชีวิต……………
ณ ประมาณ พุทธศักราช ๒๕๑๒ วันนั้นเป็นวันที่ ชาวไทยภูเขาบ้านแม่หลอดทุกคนต่างรีบมาชุมนุมกันบนพื้นที่ต่างๆได้ถูกประดับด้วยธงชาติไทย ป้ายที่ทุกคนช่วยกันเขียนว่า “ทรงพระเจริญ”ต่างติดอยู่สูงเด่น พวกเราทุกคนต่างมีสีหน้าที่เหือดแห้งบนหน้าเปื้อนยิ้ม อันบ่งบอกถึงความทุกข์ และการมีความหวังว่า จะมีผู้ใดที่สามารถจะช่วยพวกเราให้รอดพ้นจากไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหารการกิน และไม่มีกระทั่งความเป็นมนุษย์
เสียงเฮลิคอปเตอร์ดังขึ้นเรื่อยๆ และหยุดลงที่ บ้านแม่หลอด ต.สบเปิง อ.แม่แตง จ. เชียงใหม่ วินาทีนั้นพวกเราทุกคนต่างหยุดนิ่งเฝ้ารอที่จะได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหลวง ของพวกเราชาวไทยภูเขาทุกคน วินาทีแรกที่ในหลวงและสมเด็จพระราชินีได้เหยียบพระบาทลงผืนแผ่นดินของบ้าน แม่หลอดนั้นความทุกข์ของชาวไทยภูเขานั้นได้จางหายลงไปพวกเราต่างตื้นตันและร้องไห้ออกมาด้วยความรักและเทิดทูนเมื่อทั้งสองพระองค์ท่านได้เสด็จเข้ามายังชาวไทยภูเขาที่รอรับเสด็จอยู่ พวกเราก็ได้พนมมือไหว้ขึ้นเหนือหัว บางคนก็กราบลงแทบพระบาท และสิ่งที่ชาวไทยภูเขาทุกคนทำก็คือ
ต่างมอบกำไลของตนเองให้กับในหลวงบ้างก็มีดอกไม้ที่เก็บได้ในป่า สิ่งของทั้งสองอย่างล้วนเป็นของธรรมดาทั้งสิ้น แต่พระองค์มิทรงรังเกลียด แต่กลับทรงยิ้มและทักทายพวกเราอย่างเป็นกันเอง….
หากวันนั้นคือวันที่ดีที่สุดของพวกเราชาวไทภูเขาก็ว่าได้เมื่อในหลวงท่านได้ทรงเล็งเห็นความทุกข์ของพวกเรา และท่านก็อยากให้พวกเราได้มีที่อยู่ทำกิน ไม่ต้องถากถางป่า ทำร้ายธรรมชาติ และการปลูกต้นฝิ่นซึ่งผิดกฎหมาย
ในหลวงท่านจึงให้บ้านแม่หลอดของเราเป็นศูนย์วิจัยพัฒนาพันธ์กาแฟพื้นเมือง ชื่อพันธุ์แม่หลอดซึ่งเกิดโรคสนิมมาก จึงนำพันธุ์กาแฟ อราบิกา ทีเชื่อว่าต้านทานโรคสนิมมาทดลองปลูก และจึงได้ชื่อว่า กาแฟอราบิกาแม่หลอด
กาแฟอราบิกาแม่หลอดนั้นนับได้ว่าเป็นผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญทำให้ชาวไทยภูเขา มีความรู้ในเรื่องการปลูกกาแฟ การเก็บเกี่ยวผลผลิต การคั่ว การตำกาแฟ จนสามารถนำมาแปรรูปได้ส่งให้กับโรงกาเเฟโครงการหลวง
นอกเหนือจากนี้ในหลวงท่านยังสอนให้พวกเรารู้จักการใช้ข้อได้เปรียบของอากาศ บนภูเขาพื้นที่ที่มีสภาพอากาศคล้ายกับประเทศในเขตหนาว มาปลูกพืชเศรษฐกิจ ชาวบ้านแม่หลอดได้รู้จักการปลูกผักกาดหอม หน่อไม้ฝรั่ง พริกยักษ์เขียว ถั่วแขก ซึ่งพืชเกษตรที่เป็นพืชเด่นของที่นี่ก็คือกาแฟและหน่อไม้ฝรั่งนอกเหนือจากนี้ยังมีการปลูกพืชผักหมุนเวียนให้กับเกษตรกรอีกด้วย
และการที่ในหลวงท่านได้ทรงนำการเกษตรแบบใหม่ที่ถูกวิธีมาใช้กับชาวไทยภูเขา มีทั้งการใช้แสงไฟในการช่วยดูแลพืชหรือการสร้างโรงเรือนป้องกันแมลงและน้ำฝน ซึ่งวิธีต่างๆ ทำให้ชาวไทยภูเขาได้ทรงเรียนรู้และนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่ของ ตนเองให้ได้มากที่สุด และด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อชาวไทยภูเขา ชนเผ่าที่มีเพียงไม่มาก แต่พระองค์ก็ทรงมีเมตตากับพวกเรา และสิ่งนี้เองที่ทำให้กับพวกเราชาวไทยภูเขาทุกคนจึงเคารพ เทิดทูน และรัก
ในหลวง………………..
เสียงลมพัดของต้นสนที่ดังกึกก้องทั่วป่าลมพัดยามเย็นซึ่งเย็นแบบไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นสัญญาณบ่งบอกให้ให้ทั้งยายและหลานได้เดินทางกลับบ้าน สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิถีชีวิตของยายปั้นยือและหลานอาข่า ชาวไทยภูเขาแห่งบ้านแม่หลอด
ธรรมชาติที่ยังคงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์อย่างแท้จริง ขุนเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ต้นไม้ที่ยังมีแต่ความเขียวขจี สัตว์ป่าและมนุษย์ยังคงได้พึ่งพาและอยู่ร่วมกัน สิ่งเหล่านี้ที่เป็นเพียงความธรรมดาแต่ความธรรมดาที่คนในเมืองไม่มีและหาไม่ ได้ ทั้งยายและหลานสามารถดำเนินชีวิตแบบพอเพียง มีกิน มีอยู่ มีใช้ มีชีวิตที่เรียบง่ายอยู่บนผืนแผ่นดินที่สูงที่สุดของประเทศไทยต้นกาแฟอาจจะไร้เมล็ด สวนผักกาดอาจจะไร้ซึ่งความหมาย ผืนแผ่นดินบ้านแม่หลอดอาจจะจางหายมลาย ถ้าวันนี้ไร้ซึ่งในหลวงพ่อของปวงชนชาวไทย
—————————————————
น้อมส่งองค์ภูมินทร์มหาราชสู่สวรรคาลัย
ด้วยจิตรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณเเละถวายเเด่
พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดี
จักรีนฤบดินทร สยามมันทราธิราช บรมนาถบพิตร
ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป..
ดูเพิ่มเติมได้ที่ : http://coffeeconstruct.com
เว็บไซต์อื่นๆ :
No comments:
Post a Comment